ผ่านเข้ารอบ… ที่จริงแล้วเขาไม่น่าจะสงสัยตั้งแต่ตอนที่คุณหนูจอมโวยวายกระโดดโลดเต้น ดีใจราวกับเป็นเรื่องของตัวเองแต่ก็อดที่จะพิจารณารายชื่อบนกระดานประกาศหลายครั้งเพื่อยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดไป และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำไมเขาถึงต้องรีบมาที่ปราสาทจอห์นนี่ส์ตั้งแต่เช้าตรู่ตามคำเร่งเร้าของคุณหนูซึ่งงอแงตามเขามาด้วยแต่กลับถูกพนักงานหน้าประตูกันไว้ ทำเอาแผนการส่องหนุ่มในปราสาทของนางเป็นอันแตกสลาย
“นี่! เจ้าบื้อ! สู้ๆนะ! ผ่านเข้ารอบให้ได้น้าาาาาา~” เสียงตะโกนโหยหวนของหญิงสาวลอยมาตามลมขณะต่อสู้กับแรงลากของเจ้าหน้าที่เป็นที่ขำขันของหลายๆคน แต่สำหรับซึบาสะแล้ว รู้สึกอยากจะแทรกแผ่นดินหนีจนต้องรีบก้าวเท้าตามชายหนุ่มคนอื่นไปด้วยความรวดเร็ว
ความจริงแล้วปราสาทไม่ได้มีรูปทรงตั้งสูงหลายชั้นเหมือนปราสาทเอโดะที่เขาเคยรู้จักแต่มันเป็นอาคารสองชั้นที่ตกแต่งอย่างหรูหรา และที่เขากำลังยืนเบียดอยู่นั้นคือบริเวณชั้นหนึ่งที่เต็มไปด้วยเด็กหนุ่มหน้าตาดีจากทั่วสารทิศ เสียงจ้อกแจ้กจอแจจึงดังสนั่นไปทั่วโถงทางเดิน ระหว่างที่เขากำลังกลัดป้ายหมายเลขบนอกก็ได้ยินเสียงซุบซิบดังขี้นใกล้ๆ
“หมอนั่นอ่านใบสมัครถูกไหมเนี่ย”
“แก่ขนาดนี้ยังจะมาอีก ไม่น่าผ่านตั้งแต่ส่งใบสมัครแท้ๆ”
ทันทีที่ชายหนุ่มเงยหน้าเพื่อมองหาต้นเสียงก็พบว่าเป็นกลุ่มชายหนุ่มอ่อนวัยกว่าเขากลุ่มหนึ่ง ดูจากเครื่องแต่งกายแล้วไม่เหมือนกับคนที่มาเข้ารับการคัดเลือกเลยสักนิด หนึ่งในนั้นยืนกอดอกคุยกับเพื่อนๆรอบกายก่อนจะหันมายิ้มเยาะให้เขาด้วยท่าทีถือดี แล้วจึงเชิดหน้าเดินจากไป
น่าแปลกจริง… เขาคุ้นหน้าคุ้นตาแต่ละคนในกลุ่มเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน…
ใช่แล้ว! บนเวทีการแสดงคาบุกิเมื่อสองสามเดือนที่แล้วนี่เอง!
ซึบาสะตกตะลึงกับกิริยาที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือของเด็กฝึกกลุ่มนี้ได้ไม่นานนัก เสียงระฆังก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณให้ชายหนุุ่มทั่วบริเวณนั้นเข้าแถวเรียงตามหมายเลขในการสมัคร คณะกรรมการคัดเลือกหลายคนทยอยเดินเข้ามาทำหน้าที่วัดสัดส่วนร่างกายชายหนุ่มทุกคนพร้อมจดบันทึก ซึบาสะมองคนแล้วคนเล่าที่ถูกดึงตัวออกไปเพราะตัวจริงกลับไม่เข้าตาเหมือนรูปที่ส่งมา ชายหนุ่มสูดหายใจลึก พยายามควบคุมสติอย่างยากเย็นขณะที่ก้มหน้ารอการคัดเลือก
“นี่~ พวกท่านจะวัดละเอียดเหมือนคัดเลือกนางในไปหน่อยมั้ง”สุ้มเสียงชวนให้ผู้ฟังรู้สึกหมั่นไส้อยู่นิด ๆ เป็นของชายหนุ่มที่ถัดจากเขาไปไม่กี่คน ชายหนุ่มผู้นั้นเป็นคนร่างเล็ก ดวงตาเป็นประกายวิบวับ กล่าวยิ้ม ๆ ระหว่างที่ถูกวัดรอบต้นแขน
“เจ้านี่พูดมากจริงๆ !” ผู้คัดเลือกที่กำลังทำหน้าที่อย่างขยันขันแข็งอดหัวเสียกับใบหน้ายียวนกวนประสาทของหนุ่มร่างเล็กไม่ได้
“พวกเรามันก็เป็นผู้ชายกันหมดแหละ ใช่ไหม?” หนุ่มหน้าทะเล้นยังคงพูดลอยหน้าลอยตา จนเผลอสบตากับซึบาสะโดยไม่ได้ตั้งใจก่อนหันไปพูดต่อกับคนตรงหน้า “หรือพวกท่านสงสัยว่าจะมีผู้หญิงปลอมตัวมา”
“เจ้าทำพูดไป เรื่องแบบนี้มันก็มีแทบทุกปี”
“จริงรึ? แล้วเป็นอย่างไร!?” ไม่ใช่แค่หนุ่มร่างเล็กอีกต่อไปที่สนใจ กลับกลายเป็นทุกคนในที่นั้นเริ่มฮือฮาขึ้นมา
“พอนายท่านจับได้ก็ฉุนใหญ่ ไม่ให้นางเข้าชมการแสดงของคณะประมาณสองสามปีได้” ผู้ทำหน้าที่วัดยังคงกล่าวไปทำงานไป พอทุกคนได้ยินเช่นนี้ก็พอจะเข้าใจถึงความเด็ดขาดในการลงโทษของปราสาทจอห์นนี่ ไม่แปลกเลยที่ผู้สนับสนุนคณะนี้จะมีจำนวนน้อยที่กล้าทำเรื่องผิดกฏ
“ว้า~ น่าเบื่อ ข้านึกว่าพอรู้นายท่านจะลงโทษด้วยวิธี…ที่ต้องทำลับๆเท่านั้น” พอเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของผู้สมัครหนุ่ม ชายอายุมากกว่าก็ใช้กระดานรองเขียนตีเข้าที่หัวเขาด้วยความเหลืออด
“นี่! เจ้าพูดแบบนี้ถ้านายท่านได้ยินล่ะก็อย่าว่าแต่โดนเฉดหัวออกจากปราสาท ยังต้องโดนออกจากเอโดะแน่ๆ!” ชายหนุ่มเริ่มหน้าเสียเมื่อถูกต่อว่าด้วยสีหน้าจริงจังจนน่ากลัว แต่สุดท้ายหลังจบประโยคบ่น คนคัดเลือกก็ได้แต่ถอนหายใจเท่านั้น “ถ้าไม่ติดว่าความยืดหยุ่นตัวเจ้าดีมากอย่างที่เขียนไว้ นิสัยเช่นเจ้านี่ข้าตัดชื่อออกไปแล้ว!”
เมื่อละจากชายหนุ่มร่างเล็กมาได้ เป้าหมายต่อไปคือซึบาสะที่กำลังตกอยู่ในความประหม่าจนมือเย็นเฉียบ เขายื่นแขนให้วัดแต่โดยดีโดยไม่คิดจะพูดจามากความแต่อย่างใด
“เจ้า…อายุรุ่นเดียวกับนายท่านเหมือนเจ้าปากมากนั่นเลย” หนึ่งในคนคัดเลือกมองประวัติที่ส่งมาพร้อมขมวดคิ้วแน่น
“คัดออกเลยไหม” พอได้ยินเช่นนี้จิตใจของชายหนุ่มก็แทบจะตกลงไปที่ตาตุ่ม ได้แต่ภาวนาร่ำร้องในใจว่าขอให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ใจเต้นระรัวขณะที่คนคัดเลือกปรึกษากันไปมาพร้อมมองหน้าเขาไปด้วย
“แต่ดูท่าทางไม่แย่ นายท่านอาจจะชอบก็ได้ ยังไม่ต้องคัดออกหรอก” เมื่อได้ข้อสรุปดังนี้ ซึบาสะก็โล่งใจอย่างบอกไม่ถูก รอจนคนคัดเลือกเดินจากไป หนุ่มร่างเล็กรีบเข้ามาคุยด้วยราวกับอัดอั้นตันใจมานาน “รอดเหมือนกันเลย ดีใจด้วยนะ!” ซึบาสะมองใบหน้ายิ้มแย้ม
“อ้อ! ข้าชื่อยาระ โทโมยูกิ ยินดีที่ได้รู้จัก” ไม่ทันไรเขาก็ถูกอีกฝ่ายยื่นมือไปจับเขย่า ๆ ก่อนส่งคำถามมาให้เขาพร้อมสายตาที่ส่งประกายแห่งความอยากรู้อยากเห็น
“ว่าแต่ผู้หญิงที่มาส่งเจ้าที่ประตูคือใครเหรอ”
“เจ้าเห็นเหรอ?” ซึบาสะเบิกตาโต ด้วยไม่คิดว่าเรื่องน่าอายหน้าประตูจะอยู่ในสายตาผู้อื่นถึงเพียงนี้
“จะไม่เห็นได้อย่างไร นางตะโกนลั่นขนาดนั้น” ยาระเอ่ยถึงตรงนี้ก็ลดเสียงลง คล้ายกับกลัวว่าใครจะได้ยิน “นางเป็นคนรักของเจ้าเหรอ…”
“ไม่ใช่หรอก นางเป็นนายของข้า” ซึบาสะรีบแก้ตัวเป็นการใหญ่ เขาไม่อยากให้ใครก็ตามเข้าใจผิดในเรื่องนี้ นอกจากจะไม่เป็นผลดีกับตัวเองแล้ว คนถูกกล่าวถึงคงมีผลกระทบไปด้วย
“นางก็คือคุณหนูอันโดที่โรงเตี๊ยมใหญ่” เสียงต่ำไม่คุ้นหูนั้นทำให้ชายหนุ่มทั้งสองหันไปเจอชายหนุ่มร่างสูงที่อ่อนอาวุโสกว่า พอถูกจับจ้องเช่นนี้ เขาก็มีท่าทีวางตัวไม่ถูก “เอ่อ…ขออภัยท่านทั้งสองที่ข้าพูดแทรก”
“ไม่เป็นไร เจ้านี่รู้เรื่องเยอะนะ” นอกจากยาระจะโบกมืออย่างไม่คิดถือสา ยังย้ายความสนใจมาที่เขาอย่างเห็นได้ชัด
“พอดีว่าข้าอยู่ในเอโดะมาได้สักพักแล้วเลยพอรู้เรื่องรู้ราวมาบ้าง” คนหนุ่มยังคงแสดงออกอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน ยามที่ซึบาสะสบแววตาดูสัตย์ซื่อนั้นก็พลันรู้สึกถูกชะตาขึ้นมา “ข้าชื่อนาคายามะ ยูมะ พวกท่านเรียกข้าว่ายูมะก็ได้”
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็เรียกข้าว่าซึบาสะเถอะนะ” ซึบาสะยิ้มรับทุกคน จะว่าไปทั้งสองคนล้วนเป็นคนที่ดูแล้วไม่มีพิษมีภัยอะไร จะคบเป็นสหายก็นับว่าเป็นเรื่องดี เขาเองตั้งแต่จากบ้านเกิดมาก็ตัวคนเดียวมาตลอด หากสามารถผ่านเข้ารอบแล้วได้ผูกมิตรกันต่อไปเรื่อยๆ คงจะดีไม่น้อย…
“นายท่านทาคิซาวะมาถึงแล้ว” เสียงประกาศดังทั่วห้องเป็นสัญญาณให้ทุกคนกระวีดกระวาดกลับไปเข้าแถวเรียบร้อยดังเดิม ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้างดงามราวหยกสลักที่ปรากฏกายขึ้นนั้นดึงดูดสายตาทุกคนในห้อง ท่ามกลางความเงียบจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจ ทาคิซาวะ ฮิเดอากิ ค่อยๆเดินมาจนอยู่ตรงหน้าคณะคัดเลือก ซึ่งผู้เป็นหัวหน้าได้เป็นตัวแทนกล่าวรายงานผล
“นายท่าน พวกเราได้ตรวจสอบอีกรอบแล้ว ข้อมูลทุกอย่างล้วนไม่ผิดพลาด” ซึบาสะนึกสงสัยอยู่ในใจว่าทำไมทุกคนต้องแสดงอาการพินอบพิเทาจนผิดวิสัยขนาดนี้ เท่าที่เขารู้มา ถึงอย่างไรชายผู้นี้ก็เป็นเพียงหัวหน้าเด็กฝึกเท่านั้น แท้จริงแล้วไม่น่ามีอำนาจขนาดมีส่วนในการคัดเลือก
“ดี มาเริ่มกันเลย” ชายหนุ่มเอ่ยเรียบ ๆ ก่อนเริ่มเดินไปพลางไล่สายตามองเหล่าเด็กหนุ่มแต่ละแถว แค่เพียงไม่กี่นาที หลายคนก็เป็นอันต้องคอตกกลับบ้าน ไล่มาจนกระทั่งหยุดที่ยูมะผู้กำลังยิ้มน้อย ๆ รอคอยคำตัดสิน
“หน้าตาไม่ถูกชะตาข้า ไม่ควรผ่าน” น้ำเสียงเย็นชาคล้ายไม่สนใจไยดีสิ่งใดของนายท่านทาคิซาวะแทบทำให้ยูมะตกใจล้มลงไปตรงนั้น คำพูดที่ได้ยินจากปากทำให้ซึบาสะถอนใจออกมาด้วยนึกเสียดาย เป็นเหตุให้คนที่กำลังตัดสินหยุดชะงักขึ้นมา
“เจ้าชื่ออะไร”
“อิมะอิ ซึบาสะขอรับ” ซึบาสะหลุบตาลง เนื้อตัวพลันเย็นเฉียบ รู้สึกราวกับตัวเองทำเรื่องผิดพลาดร้ายแรงไป
“เมื่อครู่ถอนหายใจทำไม” เมื่ออีกฝ่ายถาม ซึบาสะก็ตอบไปตามที่ตนเองคิด
“ข้าคิดว่าท่านไม่ควรตัดสินเขาด้วยรูปลักษณ์ภายนอกอย่างเดียว…รอบถัดไปท่านอาจเสียดายที่เขามีความสามารถเกินกว่าที่ท่านนึกถึงก็ได้”
“ในวงการนี้ถึงอย่างไรหน้าตาก็เป็นส่วนสำคัญอันดับหนึ่ง” ทาคิซาวะมองร่างสูงกว่าที่ยังคงยืนนิ่ง
“เจ้าพูดเหมือนตัวเองจะได้ผ่านเข้ารอบ” โดยไม่ทันตั้งตัว แขนเสื้อซึบาสะก็ถูกถลกขึ้นโดยชายหนุ่มสูงศักดิ์ เผยให้เห็นผิวคร้ามแดดที่ไม่น่าดูนัก
“ผิวกายหยาบกร้าน ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนเอโดะ” ไม่เพียงเท่านี้ยังใช้พัดที่ถือไว้เชยคางขึ้นเพื่อพิจารณาใบหน้าคมที่ไม่ได้เกลี้ยงเกลา
“ดูจากหน้าตาเจ้าไม่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นเด็กหนุ่มด้วยซ้ำ”
“แต่หัวใจข้ายังเป็นเด็กหนุ่มอยู่นะขอรับ!”
“…” เกิดความนิ่งอึ้งไปทั่วบริเวณก่อนตามมาด้วยทุกคนต่างก็กลั้นหัวเราะด้วยความยากเย็น ยกเว้นแต่เพียงคนสองคนที่สบตากันอย่างท้าทาย ซึบาสะที่เผลอลั่นวาจาไปอย่างไม่เกรงกลัวสร้างความประหลาดใจให้คนตรงหน้าอยู่ไม่น้อย อย่างน้อยก็ถึงกับทำให้เขากล่าวอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่ง
“ข้าจะรอดูตามที่เจ้าว่า” ผู้มีอำนาจเหนือกว่าสะบัดข้อมือเอาพัดออกจากคางอีกคนก่อนจะเหลียวมองด้วยแววตายากคาดเดาแวบหนึ่งก่อนก้าวเดินต่อไป
ซึบาสะเห็นยูมะส่งสายตาขอบคุณมาให้ก็รู้สึกว่าสิ่งที่ทำไม่ไร้ค่าเสียทีเดียว
…
“ต่อไปเป็นรอบแสดงความสามารถพิเศษ” หลังจากพักกันได้ไม่นานก็เข้าสู่การคัดเลือกรอบสุดท้าย ซึบาสะยิ่งคิดเรื่องที่ตัวเองเพิ่งก่อก็ยิ่งไม่กล้าสู้หน้าหนึ่งในกรรมการที่มองมายังเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ความจริงตอนที่กรรมการไล่ทุกคนที่เข้ารอบไปเปลี่ยนเป็นชุดที่เคลื่อนไหวสะดวก เขาก็เกือบจะหนีไปแล้วแต่โชคดีที่ยาระกับยูมะต่างก็รั้งเขาไว้สุดความสามารถ เขาจึงได้มายืนที่นี่อีกครั้ง
“หมายเลข 283 เจ้าเคยทำอะไรมาบ้าง” คณะกรรมการถามชายหนุ่มที่ยืนตรงกลางโถง ทำให้เขาพยายามนึกงานที่เขาทำมาทั้งชีวิตแล้วตอบออกไป
“ข้าน่ะเหรอ ข้าก็ช่วยที่บ้านดำนาเกี่ยวข้าว ดูแลการขนส่งผลผลิต แล้วก็เคยเป็นผู้ช่วยคนครัว…”
“ไม่ใช่! ข้าหมายถึงประสบการณ์ด้านการแสดง!”
“แหะๆ ไม่มีขอรับ…” ซึบาสะหัวเราะเจื่อน ๆ แอบเห็นนายท่านทาคิซาวะส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยหน่ายก็รีบกล่าวต่อ
“เอ่อ…อันที่จริงข้าก็พอเต้นเป็นอยู่บ้าง!” เมื่อได้ยินอย่างนี้ ทีท่าของบรรดาผู้ตัดสินก็เปลี่ยนไป
“ไหนเจ้าลองเต้นให้พวกข้าดูหน่อย” เสียงดนตรีบรรเลงดังขึ้นก่อนที่ซึบาสะจะหมุนตัวรอบหนึ่งแล้วเริ่มการแสดง ท่วงทำนองกับตัวเขาราวกับประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนว่ารอบกายไม่มีสิ่งใดอื่นอีก ดำดิ่งไปกับอารมณ์จนกระทั่งจบเพลง เรียกเสียงปรบมือให้กับคนที่เห็น
“เจ้าไปเรียนการเต้นแบบนี้มาจากไหน” ทาคิซาวะเอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
“ตอนข้าเด็กๆ เคยมีมหรสพคนต่างชาติมาเปิดการแสดง ข้าสนใจก็เลยได้ลองฝึกกับพวกเขา” ซึบาสะตอบ แม้ไม่อยากจะมองหน้าเขาตรง ๆ แต่สายตาสงสัยของอีกฝ่ายทำให้เขาไม่อาจหลบได้ เขาไม่ชอบการมองของชายผู้นี้เลยแม้แต่นิด ก็เพราะตัวเขาไม่สามารถคาดการณ์สิ่งใดภายใต้ดวงตาสีนิลนั้นได้เลย…
เมื่อเห็นว่าจะครบเวลาแล้ว กรรมการคนอื่นก็รีบตัดบท
“ดีมาก เจ้าไปได้” พอออกมาได้ ซึบาสะก็รู้สึกเรี่ยวแรงจะหมด ไม่ใช่เพราะเกิดจากการเต้น หนักแต่อย่างใด หากแต่เกิดจากพลังงานบางอย่างจากนายท่านทาคิซาวะที่เหมือนจะทำลายความมั่นใจเขาไปเสียหมด
“สุดยอดมากจริงๆ!” ยาระวิ่งเข้ามาหาด้วยความตื่นเต้น “ข้าเห็นแล้วประทับใจมาก วันหลังเจ้าสอนข้าเต้นแบบนั้นหน่อยสิ”
“พวกเจ้าต่างหากที่เต้นได้เก่งกว่าข้านัก ข้ามันก็แค่พวกครูพักลักจำเท่านั้นเอง” ซึบาสะเกาหัวแก้เขิน ทำตัวไม่ค่อยถูกเมื่อมีคนเอ่ยชมในเรื่องที่เขาเองก็ไม่เคยภูมิใจกับมันมาก่อน
“ไม่หรอก ๆ ! ระดับท่านน่ะไม่ธรรมดาเลย!” ยูมะเข้าร่วมวงสนทนาด้วยรอยยิ้มอีกคน
“พวกเราไปนั่งรอกันก่อนเถิด” ซึบาสะชวนทุกคนให้ออกไปจากที่ตรงนั้นให้เร็วที่สุดเพื่อจะหามุมเงียบ ๆ ให้ตัวเองได้ผ่อนคลายสักหน่อยและให้ลืมคนที่ชวนให้หวาดหวั่นผู้นั้นด้วย…
ผ่านไปหลายชั่วยามทีเดียวกว่าที่จะมีคนมาประกาศผล ช่วงเวลาก่อนหน้านั้นซึบาสะก็กินขนมจากโรงครัวไปหลายชิ้นจนอิ่มแปล้ พอรีบวิ่งกลับมานั่งเมื่อได้ยินว่าจะประกาศผลแล้วก็รู้สึกจุกนิด ๆ
“เอาล่ะ ต่อไปจะเป็นการประกาศคนเข้ารอบสุดท้าย ใครที่ถูกขานชื่อให้ก้าวออกมาข้างหน้า ส่วนที่เหลือกลับบ้านได้ หมายเลข 032…” หมายเลขถูกขานไปเรื่อย ๆ จนมาถึงสหายใหม่ทั้งสองที่ผ่านเข้ารอบอย่างราบรื่น ซึบาสะก็ดีใจแทน แต่พอใกล้จบแล้วยังไม่มีหมายเลขตัวเองในนั้นก็ยิ่งเครียดมากขึ้น คิดแล้วเขาก็แปลกใจตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกไม่อยากมาแต่ตอนนี้กลับไม่อยากไป เป็นเพราะอะไรตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
“283”
“หา? ข้า? ข้าเหรอ? เย้~~” ซึบาสะกระโดดตัวลอยแล้วรีบวิ่งออกไปกอดทั้งยาระและยูมะข้างหน้าโดยไม่สนใจคนอื่น ๆ จนคนประกาศต้องกระแอมเป็นสัญญาณเตือน
“ขออภัยขอรับ ข้าลืมตัวไปหน่อย” ซึบาสะโค้งตัวเป็นเชิงขอโทษขอโพยก่อนหันไปยิ้มกับทั้งสองคนต่อ เมื่อให้ทุกคนที่ไม่ผ่านกลับหมดแล้ว คนประกาศก็หันมาบอกคนที่เหลือ
“พวกเจ้าที่ผ่านเข้ารอบ พรุ่งนี้ก็จัดการเตรียมข้าวของมาอยู่ที่นี่”
“ว่าแต่นายท่านทาคิซาวะล่ะท่าน” ยาระถามขึ้นมาหลังมองไปรอบ ๆ ตัว “ที่จริงข้าไม่เห็นนายท่านเลยตั้งแต่จบคัดเลือก”
“กลับไปแล้วล่ะ งานนายท่านรัดตัวมาก แค่สละเวลามาคัดเลือกพวกเจ้าก็ลำบากมากแล้ว” คนที่ถูกถามตอบสั้น ๆ ส่วนซึบาสะไม่คิดจะพูดอะไรต่อ สำหรับเขาจะอย่างไรก็ช่าง ขอแค่ได้ทำตามที่ตัวเองต้องการ ได้ช่วยที่บ้านให้อยู่ดีกินดีก็พอ อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับคนใหญ่โตกับนายท่านทาคิซาวะจะเป็นการดีที่สุด…